ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บุคลิกภาพทางการกีฬา (Personality of Sport) (การประเมินบุคลิกภาพ)

การประเมินบุคลิกภาพ

       การประเมินบุคลิกภาพ มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อต้องการให้บุคคลได้รับรู้ตนเองว่ามีบุคลิกภาพอย่างไร อีกทั้งยังเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาและปรับปรุงบุคลิกภาพของแต่ละบุคคล จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าบุคลิกภาพของบุคคลเกิดจากผลรวมของลักษณะทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะบุคลิกภาพส่วนใหญ่มักมาจากลักษณะภายในจิตใจของตนเอง ซึ่งมีทั้งซ่อนเร้นอยู่และบางส่วนตนเองสามารถรับรู้ได้ ดังนั้นนักจิตวิทยาจึงมีความพยายามที่จะค้นหาวิธีการต่างๆ ในการดึงส่วนที่เป็นบุคลิกภาพภายใน เช่น นิสัยใจคอ ความคิด ความเชื่อ เจตคติ อารมณ์ ออกมาเพื่ออธิบายลักษณะภายนอกต่างๆ สำหรับวิธีการประเมินบุคลิกภาพสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้คือ
1.การสังเกต
เป็นวิธีการที่นิยมใช้กันมากสำหรับนักจิตวิทยากลุ่มพฤติกรรมนิยมการสังเกตเป็นวิธีการทางธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ในการศึกษาจิตวิทยานั้นต้องมีหลักเกณฑ์รูปแบบ และวิธีการแปลความหมายที่แน่นอน ที่สำคัญต้องไม่นำความรู้สึกส่วนตัวเข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด พฤติกรรมที่สังเกตนั้นอาจเป็นพฤติกรรมทั่วไปหรือพฤติกรรมเฉพาะ ข้อดีของวิธีการสังเกต คือ การเห็นพฤติกรรมแบบตรงไปตรงมาทำให้ทราบบุคลิกภาพที่แท้จริงของบุคคลนั้น อย่างไรก็ตาม ข้อควรคำนึง คือ การใช้วิธีการสังเกตเพื่อประเมินบุคลิกภาพนั้นต้องไม่ให้ผู้ถูกสังเกตรู้ตัวว่าตนเองกำลังถูกสังเกต และควรใช้เวลาในสังเกตนานพอสมควร เพื่อดูความถี่ของพฤติกรรมที่แสดงออกจนมั่นใจว่าเป็นบุคลิกภาพที่แท้จริงของบุคคลนั้น นอกจากนี้เพื่อให้เกิดความเที่ยงตรงผู้สังเกตจำเป็นต้องจดบันทึกรายละเอียดของพฤติกรรมบางช่วงบางตอนให้ชัดเจนเพื่อป้องกันความพลั้งเผลอหรืออาจใช้วิธีการประมาณค่า โดยผู้สังเกตจะให้คะแนนบุคลิกภาพแต่ละประเภทที่สังเกตเห็นได้ จากระดับสูงสุดไปจนถึงระดับต่ำสุด เช่น
พฤติกรรมที่แสดงความก้าวร้าว
ระดับ  สูงมาก  สูง  ปานกลาง  น้อย  น้อยมาก
พฤติกรรมที่แสดงความเป็นผู้นำ
ระดับ  สูงมาก  สูง  ปานกลาง  น้อย  น้อยมาก
2.การสัมภาษณ์
เป็นวิธีการที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง โดยทั่วไปมักมีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกบุคคลเข้ากลุ่มเป็นวิธีการที่ใช้ในการโต้ตอบระหว่างผู้สัมภาษณ์กับผู้ถูกสัมภาษณ์เป็นหลัก อาจเป็นลักษณะคำถามปลายเปิดหรือปลายปิดหรือคำถามที่มีความเฉพาะเจาะจง นอกจากจะเป็นการพูดคุยซักถามแล้วผู้สัมภาษณ์ยังมีโอกาสสังเกตบุคลิกภาพควบคู่ไปด้วย การสัมภาษณ์แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ
2.1 การสัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการ เป็นการสัมภาษณ์ที่ใช้การตั้งคำถามกว้างๆ เป็นเรื่องทั่วไป ไม่มีความเฉพาะเจาะจง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถูกสัมภาษณ์มีอิสระในการตอบอย่างเต็มที่ โดยทั่วไปวิธีการนี้จะให้ความสำคัญกับการแสดงออกในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารและบุคลิกภาพท่าทางของผู้ถูกสัมภาษณ์เป็นหลัก

2.2การสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ เป็นการสัมภาษณ์ที่ผู้สัมภาษณ์มีการเตรียมคำถามที่มีความเฉพาะเจาะจงโดยเฉพาะไว้ล่วงหน้าตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์แสดงทักษะ ประสบการณ์ ความรู้ เจตคติ ค่านิยมความคิดเห็นที่มีต่อคำถามนั้น ถ้าผู้ถูกสัมภาษณ์ตอบไม่ตรงคำถาม ตอบไม่ชัดเจนหรือตอบกว้างเกินไป สามารถให้ตอบใหม่หรือตั้งคำถามใหม่ได้ วิธีการสัมภาษณ์สามารถนำคำตอบที่ได้จากผู้เข้ารับการสัมภาษณ์หลายคนมาเปรียบเทียบกัน เพื่อหาบุคคลที่มีลักษณะตรงตามความต้องการของผู้สัมภาษณ์มากที่สุด
แบบประเมินบุคลิกภาพ
ถูกสร้างขึ้นเพื่อตรวจสอบหาบุคลิกภาพที่แท้จริงโดยเฉพาะส่วนที่เป็นบุคลิกภาพภายใน เนื่องจากการวิเคราะห์บุคลิกภาพภายในหลายด้านจำเป็นต้องได้รับข้อมูลที่เที่ยงตรง ชัดเจน และเชื่อถือได้ ซึ่งวิธีการสังเกตหรือการสัมภาษณ์อาจไม่สามารถทำได้ทั้งหมด แบบทดสอบบุคลิกภาพที่สร้างขึ้นนั้นจะทำหน้าที่ดึงลักษณะบุคลิกภาพภายในทั้งที่รู้ตัวหรือซ่อนเร้นอยู่ให้ตอบสนองออกมาเป็นพฤติกรรมภายนอกในรูปแบบต่างๆ โดยจะนำผลของการตอบสนองทางพฤติกรรมนั้นมาวิเคราะห์ เพื่ออธิบายบุคลิกภาพภายในอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามผู้ที่จะใช้แบบทดสอบเหล่านี้ต้องได้รับการฝึกฝนวิธีการใช้งานและแปลความหมายมาโดยเฉพาะ มิฉะนั้นจะเกิดผลเสียหายอย่างมากกับผู้ถูกทดสอบแบบประเมินบุคลิกภาพมีความแตกต่างกับแบบทดสอบหรือข้อสอบทั่วๆ ไป
เพราะแบบประเมินบุคลิกภาพไม่มีคะแนนสำหรับการสอบผ่านหรือการสอบตกแต่ถูกออกแบบมาเพื่อวัดเจตคติ นิสัยใจคอ และค่านิยมในมุมมองที่หลากหลาย สำหรับแบบประเมินบุคลิกภาพที่ถูกออกแบบสำหรับการนำไปใช้กับนักกีฬา (Cox, 2012) เช่น
3.1 แบบประเมินแรงจูงใจของนักกีฬา (Athletic motivationinventory: AMI) เป็นการประเมินบุคลิกภาพของบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับ
การประสบความสำเร็จทางการกีฬา ประกอบด้วย แรงขับ ความก้าวร้าว การตัดสินใจ
ความรับผิดชอบ ภาวะผู้นำ ความเชื่อมั่นในตนเอง การควบคุมอารมณ์ ความเข้มแข็ง
ทางจิตใจ ความสามารถในการเป็นผู้นำ การมีสติ และความเชื่อ แต่ทั้งนี้
จากการนำแบบประเมินแรงจูงใจของนักกีฬาไปใช้กับนักกีฬาฮ๊อกกี้น้ำแข็ง พบว่าผลที่ได้
จากการตอบแบบประเมินฯ มีค่าการทำนายความเข้มแข็งทางจิตใจของนักกีฬาต่ำมาก
3.2 แบบประเมินคุณลักษณะการเป็นแชมป์ (Wining profileathletic instrument) เป็นการประเมินการมีสติและความเข้มแข็งทางจิตใจซึ่งจากการนำแบบประเมินคุณลักษณะการเป็นแชมป์ไปใช้พบว่านักกีฬาระดับ

มหาวิทยาลัยกับนักกีฬาอาชีพมีคุณลักษณะการเป็นแชมป์แตกต่างกัน

          อ้างอิง : ชื่อหนังสือ จิตวิทยาการกีฬา ปีที่พิมพ์ 2556

                          จัดพิมพ์โดย กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ลักษณะบุคลิกภาพของการเป็นนักกีฬาที่ดี

ลักษณะบุคลิกภาพของการเป็นนักกีฬาที่ดี นักกีฬาที่ต้องการประสบความสำเร็จทางการกีฬาและมีความสุข ในการดำเนินชีวิต ควรมีลักษณะบุคลิกภาพที่ดี ดังต่อไปนี้ 1. มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ 2. มีจิตใจเบิกบาน ยิ้มง่าย มีอารมณ์ขันอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์มองโลกในแง่ดี 3. วาจาสุภาพ ไพเราะ มีมารยาททางสังคม 4. แต่งกายสุภาพ สะอาด เรียบร้อย เหมาะสมกับกาลเทศะ 5. มีความกระตือรือร้น และกระฉับกระเฉง 6. มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น 7. มีเหตุผลและรู้จักใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจและกระทำสิ่งต่างๆ 8. มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ มีความอดทนอดกลั้น 9. มีความเชื่อมั่นในตนเอง ขณ ะเดียวกันพร้อมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 10. มีน้ำใจนักกีฬา อ้างอิง :  ชื่อหนังสือ  จิตวิทยาการกีฬา  ปีที่พิมพ์ 2556              จัดพิมพ์โดย  กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

Motivation in Sport( แรงจูงใจทางการกีฬา)

แรงจูงใจทางการกีฬา (Motivation in Sport)               แรงจูงใจ คือ พลังผลักดันให้บุคคลแสดงพฤติกรรม ผู้ที่มีแรงจูงใจจะใช้ความพยายามในการกระ ทำเพื่อไปสู่เป้าหมายโดยไม่ลดละแต่ผู้ที่ ไม่มีแรงจูงใจจะไม่แสดงความพยายามหรือเลิกกระทำก่อนบรรลุเป้าหมาย             กระบวนการจูง ความต้องการของบุคคลในสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะมีผลต่อการกำหนดทิศทาง ( Direction) และระดับความตั้งใจที่จะปฏิบัติ ( Intensity) ประเภทของแรงจูงใจ     1. แรงจูงใจภายใน แรงจูงใจภายในเป็นสิ่งผลักดันที่มาจากความต้องการภายในตัวบุคคล ซึ่งอาจเป็นเจตคติ ความคิดเห็น ความสนใจ ความตั้งใจการเห็นคุณค่าในตนเอง ความพอใจ ความต้องการ เป็นต้น     2. แรงจูงใจภายนอก แรงจูงใจภายนอกเป็นสิ่งผลักดันที่มาจากภายนอกตัวบุคคล อาจเป็นการได้รับรางวัลเกียรติยศ ชื่อเสียง การได้รับการยอมรับการยกย่องชมเชย               ผู้ฝึกสอน ควรเน้นให้นักกีฬารับรู้ว่าตนเองมีอิสระในการตัดสินใจหร...

The muscle function(การทำงานของกล้ามเนื้อ)

การทำงานของกล้ามเนื้อ ร่างกายของเราประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อหลายร้อยมัด การเคลื่อนไหวของร่างกายจะเป็นการทำงานร่วมกันของกล้ามเนื้อหลายมัดประสานสัมพันธ์กัน การเคลื่อนไหวโดยทั่วไปจะมีกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ต่างๆ คือ 1 Agonist muscle / Prime moves คือกล้ามเนื้อหลักที่มีการหดตัวเพื่อให้เกิดการ เคลื่อนไหวข้อต่อ ทำให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหวในท่าทางต่างๆ และมีการเคลื่อนที่ 2 Synergist muscle คือกล้ามเนื้อที่หดตัวเพื่อช่วยกล้ามเนื้อหลักหรือกล้ามเนื้อ เสริม กล้ามเนื้อกลุ่มนี้ไม่ใช้กล้ามเนื้อกลุ่มแรกในการหดตัวตอบสนองในท่าทางนั้นๆ 3 Antagonist muscle คือกลุ่มกล้ามเนื้อมัดตรงข้ามกับกลุ่มกล้ามเนื้อหลัก จะ คลายตัวเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหว ท าหน้าที่เคลื่อนไหวข้อต่อในทิศทางตรงข้ามกลุ่มกล้ามเนื้อหลักเพื่อสร้างความสมดุลของแรง 4 Stabilizer muscle คือกลุ่มกล้ามเนื้อที่ช่วยรักษาสมดุลของการเคลื่อนไหวนั้นให้ แม่นยำถูกต้อง โดยการหดตัวเพื่อยึดหรือประคองอวัยวะส่วนนั้นไม่ให้มีการเคลื่อนที่ อ้างอิง : วิทยาศาสตร์การกีฬาเพื่อสุขภาพทางกาย : มณินทร รักษ์บำรุง