การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative thinking)
การคิดเชิงสร้างสรรค์
(Creative thinking) หมายถึง
ความสามารถในการมองเห็นความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ
การขยายขอบเขตความคิดออกไปจากกรอบความคิดเดิมที่มีอยู่ สู่ความคิดใหม่ๆ
ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อค้นหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น
เป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม เป็นความคิดที่หลากหลาย
คิดได้กว้างไกล หลายแง่หลายมุม เน้นทั้งปริมาณและคุณภาพ
องค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์ ได้แก่ ความคิดนั้นต้องเป็นสิ่งใหม่ไม่เคยมีมาก่อน
(New Original) ใช้การได้ (Workable) และมีความเหมาะสม
(Appropriate) การคิดเชิงสร้างสรรค์จึงเป็นการคิดเพื่อการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเดิมไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า
ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ที่ต่างไปโดยสิ้นเชิงหรือที่เรียกว่า "นวัตกรรม" (Innovation)
ความคิดสร้างสรรค์
มีความหมายแยกได้เป็น 3 ประเด็นหลัก คือ
1. เป็นความคิดแง่บวก หรือ Positive
thinking
2. เป็นการกระทำที่ไม่ทำร้ายใคร หรือ Constructive
thinking
3. เป็นการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ หรือ
Creative thinking
วิธีการฝึกเพื่อพัฒนาศักยภาพการคิดสร้างสรรค์
มีวิธีการดังนี้
1. ฝึกคิดเชิงบวก
(Positive Thinking) ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราต้องฝึกคิดว่ามีอะไรที่เป็นประโยชน์กับเราบ้าง
เช่น
ถ้าเราตกงานเราก็คิดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้มีเวลาพัฒนาตัวเองแบบเต็มเวลา
ถ้าเราอกหักก็คิดเสียว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เปิดโอกาสให้กับคนดีๆอีกหลายคนเข้ามาในชีวิตของเรา
ถ้าเครียดมากๆ
ก็ให้คิดเสียว่าเป็นการทดสอบความแข่งแกร่งของจิตใจว่าจะสามารถรับมือกับสภาพความเครียดได้มากน้อยเพียงใด
เพราะในอนาคตเราอาจจะมีเรื่องที่เครียดมากกว่านี้ก็ได้
การฝึกคิดเชิงบวก
นอกจากจะช่วยให้เราฝึกการแสวงหาโอกาสแล้วยังช่วยให้เราเกิดการเรียนรู้ที่เหนือกว่าคนอื่น
เพราะถ้าเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
เราสามารถเรียนรู้ทั้งสิ่งที่คนทั่วไปเขารู้กันแล้ว
เรายังเรียนรู้ในสิ่งที่คนอื่นๆ เขามองข้ามไป เมื่อเราฝึกแบบนี้ไปนานๆ
หลายๆครั้งเข้า
จำนวนเท่าของความรู้ของเราจะเหนือกว่าคนทั่วไปอย่างน้อยสองสามเท่าตัว
2. ฝึกคิดย้อนศร
(Backward Thinking) เมื่อไหร่ก็ตามเราคิดสวนทางกับคนอื่น
อาจจะทำให้เราเกิดความคิดสร้างสรรค์ที่ดีๆขึ้นมาก็ได้
ตัวอย่างการทำธุรกิจที่ตรงกันข้ามจากคนอื่น เช่น ปกติรถเสียต้องพารถไปหาอู่
แต่เมื่อคิดใหม่คือเอาอู่ไปหารถ
จึงทำให้เกิดธุรกิจบริการซ่อมรถฉุกเฉินขึ้นมามากมาย หรือเมื่อก่อนถ้าเราจะกินพิซซ่าเราจะต้องไปที่ร้าน
แต่เมื่อมีคนคิดย้อนศรคือ ส่งพิซซ่าไปหาลูกค้าจึงเกิดธุรกิจ Home Delivery ขึ้นมามากมาย
ปัจจุบันนี้เกิดธุรกิจอีกมากมาย เช่น การส่งดอกไม้ ร้านหนังสือ ร้านวีดีโอ เป็นต้น
3. ฝึกคิดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ (Impossible
Thinking) บางสิ่งบางอย่างที่เราเคยคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ในอดีต
แต่ในปัจจุบันมันเป็นไปได้และเป็นไปแล้ว สิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ในวันนี้
มันอาจจะเป็นไปได้ในอนาคต ดังนั้นอะไรก็ตามที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้
อย่าเพิ่งด่วนตัดทิ้งไป
เพราะนั่นเท่ากับเป็นการดับอนาคตแห่งความคิดสร้างสรรค์ของเราเอง
ตัวอย่างความคิดสร้างสรรค์แบบนี้ เห็นได้จากภาพยนตร์ การ์ตูน
บางประเภทที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ความคิดของนักวิทยาศาสตร์นำไปค้นคว้าวิจัยเพื่อนำไปสู่ความเป็นไปได้ต่อไป
เช่น ในอดีตใครเคยคิดบ้างว่าเรื่องการโคลนนิ่งสัตว์หรือมนุษย์จะเป็นไปได้
ใครเคยคิดบ้างว่ามนุษย์จะมีธุรกิจการท่องเที่ยวในอวกาศ
ใครจะคิดบ้างว่าคนที่อยู่กันคนละโลกสามารถพูดคุยกันแบบเห็นหน้าตาได้เหมือนสมัยนี้
ในชีวิตการทำงาน
เรามักจะตกหลุมพรางทางความคิดแบบนี้อยู่บ่อยๆ พอคิดจะทำโน่นทำนี่
เราก็มักจะถูกขัดขวางด้วยความคิดที่ว่า มันทำไม่ได้หรอก หัวหน้าเขาคงไม่มีงบประมาณ
ผู้บริหารคงไม่สนับสนุน ฯลฯ ความคิดในลักษณะนี้เกิด ขึ้นมากมายกับคนทำงาน
สาเหตุที่สำคัญคือ เรามักจะนำเอาสภาพแวดล้อมภายนอกมาทำลายต้นกล้าแห่งความคิดสร้างสรรค์ของเราเสียเอง
ตั้งแต่ยังไม่ลงมือทำอะไรเลย ทำให้เราไม่มีโอกาสได้คิดไปถึงที่สุดว่า
ที่เราคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้นั้น จริงๆแล้วมันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ
4 .ฝึกคิดบนหลักของความเป็นจริง
(Thinking Based Principle) การฝึกคิดแบบนี้คือการคิด
วิเคราะห์สิ่งต่างๆ โดยย้อนกลับไปหาหลักความเป็นจริงของสิ่งนั้นๆว่าคืออะไร เช่น
คนที่สามารถผลิตเครื่องบินได้นั้นจะต้องเข้าใจถึงหลักความเป็นจริงในเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลกก่อน
จึงจะสามารถออกแบบเครื่องบินได้ ต้องเข้าใจว่าการบินได้นั้น
จะต้องมีพลังขับเคลื่อนเท่าไหร่ มีความเร็วเท่าไหร่
จึงจะสามารถหนีออกจากแรงโน้มถ่วงของโลกได้
5. ฝึกคิดข้ามกล่องความรู้ (Lateral Thinking ) การคิดข้ามกล่องความรู้คือการนำเอาความรู้ที่มีอยู่ในหัว
ในเรื่องต่างๆ มาคิดไขว้กัน ยิ่งเรามีกล่องความรู้หลากหลาย โอกาสที่เราจะคิดข้ามกล่องเพื่อให้เกิดความคิดใหม่ๆ
ก็มีมากยิ่งขึ้น เช่น ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ มาจากกล่องความรู้เกี่ยวกับก๋วยเตี๋ยว
ผสมกับกล่องความรู้ ในการทำต้มยำ หรือแอร์มุ้ง
มาจากกล่องความรู้ด้านแอร์กับกล่องความรู้ด้านมุ้ง ปลาดุกในห้องเช่า
มาจากกล่องความรู้เรื่องห้องเช่ากับกล่องความรู้เรื่องการเลี้ยงปลาในบ่อดิน
อ้างอิง : รวบรวมและเรียบเรียงโดย เพ็ญนิดา ไชยสายัณห์
นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ
ศูนย์อนามัยที่ ๖ ขอนแก่น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น