การพัฒนาความเข้มแข็งทางจิตใจ
ความเข้มแข็งทางจิตใจของนักกีฬาสามารถฝึกฝนและพัฒนาได้
ด้วยวิธีการฝึกจิตใจ 7 ประการ คือ การสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง
การควบคุมพลังงานเชิงลบ การควบคุมสมาธิ การจินตภาพ การสร้างแรงจูงใจ
การสร้างพลังงานเชิงบวก และ
การควบคุมเจตคติให้เป็นเชิงบวก ดังต่อไปนี้
1. การสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง
ความเชื่อมั่นในตนเองเป็นอารมณ์และความรู้สึกทางบวกที่มีความสำคัญต่อการแสดงความสามารถทางการกีฬานักกีฬาสามารถพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองได้
เช่น การพูดกับตนเองทางบวกอยู่เสมอมีความเชื่อในความสามารถของตนเองและเพื่อนร่วมทีมว่าสามารถประสบความสำเร็จได้
2. การควบคุมพลังงานเชิงลบ
พลังงานเชิงลบเป็นความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นจากการคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะผิดหวัง
ล้มเหลว การรู้สึกว่าตนเองมีความไม่ปกติด้านความคิด มีความกลัว
มีความคาดหวังความสำเร็จต่ำ มีความไม่แน่ใจในความสามารถของตนเอง
และมีความรู้สึกผิดปกติทางร่างกาย ดังนั้นการควบคุมพลังงานเชิงลบจึงเป็นความสามารถในการควบคุมอารมณ์ไม่ดี
เช่น กลัว ท้อแท้ โกรธ ไม่พอใจที่อาจเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่มีความกดดัน
3. การควบคุมสมาธิหรือความตั้งใจ
เป็นการจดจ่อกับการสิ่งที่กำลังทำการควบคุมจิตใจให้มีความมั่นคง
และรู้จักหลีกเลี่ยงไม่สนใจสิ่งอื่นๆ ที่เข้ามารบกวนสมาธิ
โดยต้องเลือกความสนใจที่ถูกต้อง ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ
3.1 การควบคุมสมาธิ
คือ ความสามารถในการมีจิตใจจดจ่ออยู่กับ
สิ่งใดสิ่งหนึ่งในสถานการณ์ตรงหน้า
สามารถบอกตัวเองได้ว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ที่ควรทำและไม่ควรทำ
การควบคุมสมาธิจึงมีความสำคัญที่จะช่วยให้นักกีฬาสามารถ
คิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี
3.2
การหลีกเลี่ยงที่จะไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เข้ามารบกวน
นอกจากนักกีฬาจะมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในสถานการณ์นั้นแล้ว
ขณะเดียวกันนักกีฬาต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่มารบกวนทั้งจากภายนอกและภายในจิตใจตนเองด้วย
ซึ่งหากตัดสิ่งเหล่านี้ออกไปได้แล้วจะเหลือแต่สมาธิและความตั้งใจต่อสถานการณ์เท่านั้น
4. การจินตภาพ
เป็นการนึกภาพด้วยการสร้างภาพเคลื่อนไหวในใจที่ทำให้มองเห็นสถานการณ์ต่างๆ
เป็นการสร้างประสบการณ์การรับรู้ขึ้นมาใหม่ซึ่งสามารถสร้างความหนักแน่นทางจิตใจเพื่อต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ
นอกจากนั้นยังเป็นการพัฒนาทักษะกีฬาให้ประสบความสำเร็จได้อีกทางหนึ่ง
5. การสร้างแรงจูงใจ
แรงจูงใจมีบทบาทสำคัญต่อการเตรียมทีมและการฝึกซ้อม
การสร้างแรงจูงใจเป็นการสร้างความพอใจให้เกิดขึ้นกับนักกีฬา เป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ช่วยให้นักกีฬาประสบความสำเร็จ
การที่นักกีฬาเลือกเล่นกีฬาชนิดหนึ่งแล้วขยันฝึกซ้อมอย่างหนักจนกระทั่งมีความสามารถสูงขึ้น
แสดงให้เห็นว่านักกีฬามีแรงจูงใจในการเล่นกีฬานั้น โดยแรงจูงใจอาจเกิดจากภายในตัวนักกีฬาเองหรือได้รับจากภายนอกร่วมด้วยก็ได้
6. การสร้างพลังงานเชิงบวก
พลังงานเชิงบวก คือ ความสามารถในการคิดให้สนุกสนาน
มีความสุขไม่ว่าจะเจอสถานการณ์กดดันเพียงใดก็ตาม สามารถคิดให้เป็นเรื่องสนุกได้
ซึ่งการมีพลังงานเชิงบวกจะช่วยให้นักกีฬาเป็นคนที่มีสปิริต มีน้ำใจเป็นนักกีฬา
อยู่ร่วมกับทีมได้ดี เป็นที่รักของผู้อื่น เพราะจะเป็นคนไม่กลัวความพ่ายแพ้ไม่กลัวปัญหา
ดังนั้นนักกีฬาต้องปรับเจตคติของตนเองให้มองโลกในแง่ดี นำผลการแข่งขันและสิ่งแวดล้อมรอบตัวมาเป็นเครื่องปรับแต่งเพื่อพัฒนาตนเองและสร้างความพึงพอใจในความสำเร็จแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
และไม่ท้อแท้ต่อความผิดหวังแต่นำมาเป็นแรงกระตุ้นเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องให้สมหวังในอนาคตต่อไป
7. การควบคุมเจตคติให้เป็นเชิงบวก
คือ การควบคุมลักษณะนิสัยและความคิดของตนเองอย่างจริงจังและสม่ำเสมอจนกลายเป็นคนที่มีเจตคติที่ดี
มุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ
เจตคติที่ดีจะช่วยให้นักกีฬาสามารถตัดความกลัวและความวิตกกังวลในการแข่งขันหรือสถานการณ์อื่นๆ
ที่ก่อให้เกิดความเครียดได้
การประยุกต์ใช้
1. การพัฒนาความเข้มแข็งทางจิตใจ
ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นในตนเองการควบคุมพลังงานเชิงลบ การควบคุมสมาธิ
การจินตภาพ การสร้างแรงจูงใจการสร้างพลังงานเชิงบวก
และการควบคุมเจตคติให้เป็นเชิงบวกอยู่เสมอ
2. การคำนึงถึงความแตกต่างของนักกีฬาตาม เพศ
ชนิดกีฬา ประสบการณ์
และอื่นๆ
ซึ่งอาจมีผลต่อการพัฒนาความเข้มแข็งทางจิตใจของนักกีฬาแต่ละ
คน
อ้างอิง : ชื่อหนังสือ จิตวิทยาการกีฬา ปีที่พิมพ์ 2556
จัดพิมพ์โดย กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น