บุคลิกภาพทางการกีฬา
(Personality of Sport)
ความหมายของบุคลิกภาพทางการกีฬา
บุคลิกภาพ (Personality) มาจากคำในภาษาลาตินว่า
“Persona”แปลว่า หน้ากาก
ซึ่งหมายถึงหน้ากากที่ชาวกรีกใช้ในการแสดงละคร เมื่อสวมหน้ากากเป็นตัวอะไรก็ต้องแสดงบทบาทไปตามตัวละครนั้น
นักจิตวิทยาการกีฬาให้นิยามของ
“บุคลิกภาพทางการกีฬา”
ไว้ว่าบุคลิกภาพทางการกีฬา หมายถึง คุณลักษณะโดยรวมทั้งหมดของบุคคลหรือนักกีฬา
ซึ่งประกอบด้วย คุณลักษณะภายนอก ได้แก่ รูปร่างหน้าตา กิริยาท่าทาง
และคุณลักษณะภายใน ได้แก่ นิสัยใจคอ ความคิด ความเชื่อ เจตคติ ค่านิยมและอารมณ์
ซึ่งคุณลักษณะทั้งหลายเหล่านี้เป็นตัวกำหนดรูปแบบของพฤติกรรมการแสดงออกทางการกีฬาจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
อันมีผลทำให้บุคคลหรือนักกีฬาคนนั้นแตกต่างจากบุคคลอื่น
นอกจากนั้นบุคลิกภาพยังเป็นผลร่วมอย่างมีระบบของพฤติกรรมต่างๆ
ตลอดจนเจตคติและค่านิยม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณลักษณะนิสัยเฉพาะตัวบุคคล อาจกล่าวได้ว่าบุคลิกภาพเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกอย่างคงเส้นคงวาซึ่งทำให้บุคคลมีความแตกต่างกัน
โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่มีความเฉพาะเจาะจง ดังนั้นการศึกษาเรื่อบุคลิกภาพทางการกีฬาจะทำให้เข้าใจลักษณะของนักกีฬาได้อย่างดีขึ้น
โครงสร้างบุคลิกภาพของนักกีฬา
โครงสร้างบุคลิกภาพของนักกีฬา แบ่งออกเป็น 3
ส่วน ดังนี้คือ
1.บุคลิกภาพที่อยู่ด้านในลึกที่สุด
หรือแกนกลางของจิตใจ(Psychological core)
บุคลิกภาพที่อยู่ด้านในลึกที่สุด
ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีความสำคัญต่อบุคลิกภาพของบุคคลอย่างมาก
เพราะค่อนข้างมีความคงที่ไม่ว่าวันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
ลักษณะบุคลิกภาพส่วนนี้ยังเหมือนเดิม เปลี่ยนแปลงได้ยากมากเพราะเป็นเรื่องเจตคติ
ความสนใจ และความเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองด้วยบุคลิกภาพที่อยู่ลึกที่สุดของจิตใจเป็นสิ่งที่แสดงถึงตัวตนที่แท้จริงของบุคคลไม่ใช่ใครที่คนอื่นคิดให้คุณเป็น
2.บุคลิกภาพที่เกิดขึ้นและมีการตอบสนองที่เป็นรูปแบบเฉพาะตัว(Typical
responses)
การตอบสนองที่เป็นลักษณะเฉพาะของบุคคล
เป็นตัวบ่งชี้ว่าจะต้องแสดงพฤติกรรมอย่างไรในบริบทของสังคม
บุคคลต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งที่อยู่รอบตัวเสมอ
3. บุคลิกภาพที่มีความเกี่ยวข้องกับบทบาททางสังคม(Role
related behavior)
พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับบทบาทสังคม
เป็นการแสดงพฤติกรรมที่มีพื้นฐาน
จากการรับรู้สถานการณ์ทางสังคม
ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงไปตามการรับรู้ของตนเองที่มีต่อสถานการณ์ทางสังคม
ความแตกต่างของสถานการณ์เป็นสิ่งที่ทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป เช่น
การดำเนินชีวิตตลอดวัน บุคคลสามารถแสดงบทบาทของตนเองได้ทั้งบทบาทของนักเรียน
ผู้ฝึกสอน ลูกจ้าง และเพื่อน ซึ่งการแสดงบทบาทในแต่ละหน้าที่เป็นไปตามบทบาทที่สังคมกำหนดให้
เช่น การแสดงบทบาทผู้นำจะมีความเหมาะสมเมื่ออยู่ในฐานะผู้ฝึกสอน
ไม่ใช่ฐานะของนักเรียน หรือลูกจ้างในบางครั้งอาจพบได้ว่าการแสดงแต่ละบทบาทอาจมีความขัดแย้งกันได้
เช่น พ่อแม่ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนให้ลูก เพราะโดยทั่วไปบทบาทของพ่อแม่ คือ
การให้ความรัก เอาอกเอาใจซึ่งจะให้ความสำคัญกับส่วนนี้มากกว่าการเข้มงวดกวดขันหรือการมีระเบียบวินัยซึ่งตรงข้ามกับการแสดงบทบาทของผู้ฝึกสอนที่ต้องเน้นระเบียบวินัย
มีความเข้มงวดในการฝึกซ้อม
และต้องเปิดโอกาสให้นักกีฬาคิดและตัดสินใจแก้ไขปัญหาด้วยตนเองเพื่อพร้อมเผชิญกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในสถานการณ์การแข่งขันได้
อ้างอิง : ชื่อหนังสือ จิตวิทยาการกีฬา ปีที่พิมพ์ 2556
จัดพิมพ์โดย กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น