ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

sport psychology(แรงจูงใจกับการกีฬา)


แรงจูงใจกับการกีฬา

      นักจิตวิทยาการกีฬา พยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุผลที่บุคคลตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมกีฬา เพื่ออธิบายสาเหตุหรือความต้องการซึ่งมีความแตกต่างกันออกไปตามความคิด ความรู้สึก ความเป็นเหตุเป็นผลของแต่ละบุคคล ขณะเดียวกันเมื่อทราบเหตุผลของการเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาแล้ว ยังต้องทำความเข้าใจถึงเหตุผลหรือความต้องการที่ทำให้เกิดการคงอยู่ของพฤติกรรมหรือการเล่นกีฬานั้นๆ เพื่อเป็นแนวทางในการรักษาระดับความต้องการที่แท้จริงของบุคคลไว้ นอกจากกลุ่มผู้ที่เริ่มเล่นกีฬาและผู้ที่ยังคงเล่นกีฬาแล้ว ยังมีกลุ่มคนอีกจำนวนมากที่มีโอกาสในการเข้าสู่กระบวนการกีฬา แต่ด้วยเหตุผลใดจึงมีการตัดสินใจหยุดหรือเลิกเล่นกีฬาในที่สุดดังนั้นจึงขอสรุปที่มาของแรงจูงใจในผู้ที่เริ่มเล่นกีฬา ผู้ที่ยังคงเล่นกีฬา และผู้ที่เลิกเล่นกีฬา ดังต่อไปนี้
       แรงจูงใจของผู้ที่เริ่มเล่นกีฬา ผู้ที่เริ่มเล่นกีฬามักมีสาเหตุที่หลากหลายแตกต่างกันไปตามความต้องการส่วนบุคคลหรือความต้องการตามระดับของช่วงอายุหรือพัฒนาการตามวัยต่างๆ โดยสรุปสาเหตุของผู้ที่เริ่มเล่นกีฬา มีดังนี้คือ
1. สาเหตุแห่งความสวยงาม
ความสวยงามเป็นสิ่งที่ทุกคนพึงปรารถนาเป็นสิ่งที่ทราบกันดีว่าการออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬามีผลให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์รูปร่างสมส่วน กำจัดไขมันส่วนเกิน หน้าตาอ่อนกว่าวัย เพราะเมื่อออกกำลังกายร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนชะลอความชราออกมา จึงเป็นสิ่งดึงดูดใจที่ทำให้ผู้ที่รักสวยรักงามหันมาออกกำลังกาย ไม่เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายส่วนหนึ่งต่างให้เหตุผลของการออกกำลังกายว่าต้องการให้รูปร่างดูดี แข็งแรง สมส่วน มีความเป็นชาย ซึ่งเป็นสิ่งดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้าม เป็นต้น
2. สาเหตุทางการแพทย์
กลุ่มคนจำนวนหนึ่งในสังคมเริ่มออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเนื่องมาจากสาเหตุด้านสุขภาพ เพื่อต้องการรักษาโรคที่ตนเองเจ็บป่วยโรคบางชนิดไม่สามารถรักษาด้วยการรับประทานยาได้เพียงอย่างเดียว แต่การรักษาจะเห็นผลดีเมื่อควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง หรือบางครั้งไม่ได้เจ็บป่วยแต่ต้องการออกกำลังกายเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต นักกีฬาหลายคนอาจเริ่มการออกกำลังกายเพื่อรักษาอาการของโรค เช่น โรคหอบ สามารถรักษาให้หายขาดได้ในช่วงวัยเด็ก หากออกกำลังกายด้วยวิธีการที่ถูกต้องและเหมาะสม เช่น การว่ายน้ำและยังคงว่ายน้ำอยู่จนสามารถเป็นนักกีฬาเพื่อการแข่งขันได้ หรือผู้มีอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ต้องพื้นฟูภายหลังการบาดเจ็บด้วยกิจกรรมการออกกำลังกายเบาๆ หรือเลือกวิธีการออกกำลังกาย เพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน
3. สาเหตุทางสังคม
 กีฬาซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งที่มีการรวมตัวของกลุ่มคนเข้าไว้ด้วยกันก่อให้เกิดเป็นสังคมเล็กๆ จนกลายเป็นสังคมขนาดใหญ่ มีการเล่นกีฬาทั้งระดับหมู่บ้าน โรงเรียน จังหวัด ประเทศ และขยายตัวเป็นสังคมกีฬาระดับนานาชาติ ซึ่งก่อให้เกิดความสนุกสนาน ความสามัคคี และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน รวมถึงการเห็นตัวแบบและได้รับแรงเสริมต่างๆ เช่น การมองดูนักกีฬาที่มีบุคลิกภาพดีและเกิดความชื่นชอบ ซึ่งเริ่มต้นด้วยการชอบที่ตัวบุคคลจนก่อให้เกิดการเลียนแบบเพื่อกระทำในสิ่งเดียวกัน โอกาสในการเข้าร่วมเล่นกีฬาเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เริ่มเข้าสู่การกีฬาได้ หรือต้องการมีเพื่อนใหม่ โดยใช้กิจกรรมออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นสื่อในการเข้าร่วมกับสังคม มีความต้องการให้สังคมยอมรับ หรือมีแรงจูงใจเพื่อให้มีชื่อเสียงได้รับการยกย่องมีรายได้ เป็นต้น
4. สาเหตุทางเจตคติ
เมื่อกล่าวถึงเจตคติซึ่งเป็นเรื่องของแนวความคิดเห็นและท่าทีของบุคคลที่แสดงออกนั้น พบว่าผู้
เล่นกีฬามักมีเจตคติที่ดีต่อการกีฬามองเห็นคุณค่าและประโยชน์มากมายที่ได้จากกีฬา


อ้างอิง : ชื่อหนังสือ จิตวิทยาการกีฬา ปีที่พิมพ์ 2556


            จัดพิมพ์โดย กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา







ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ลักษณะบุคลิกภาพของการเป็นนักกีฬาที่ดี

ลักษณะบุคลิกภาพของการเป็นนักกีฬาที่ดี นักกีฬาที่ต้องการประสบความสำเร็จทางการกีฬาและมีความสุข ในการดำเนินชีวิต ควรมีลักษณะบุคลิกภาพที่ดี ดังต่อไปนี้ 1. มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ 2. มีจิตใจเบิกบาน ยิ้มง่าย มีอารมณ์ขันอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์มองโลกในแง่ดี 3. วาจาสุภาพ ไพเราะ มีมารยาททางสังคม 4. แต่งกายสุภาพ สะอาด เรียบร้อย เหมาะสมกับกาลเทศะ 5. มีความกระตือรือร้น และกระฉับกระเฉง 6. มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น 7. มีเหตุผลและรู้จักใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจและกระทำสิ่งต่างๆ 8. มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ มีความอดทนอดกลั้น 9. มีความเชื่อมั่นในตนเอง ขณ ะเดียวกันพร้อมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 10. มีน้ำใจนักกีฬา อ้างอิง :  ชื่อหนังสือ  จิตวิทยาการกีฬา  ปีที่พิมพ์ 2556              จัดพิมพ์โดย  กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative thinking)

การคิดเชิงสร้างสรรค์ ( Creative thinking)   การคิดเชิงสร้างสรรค์ ( Creative thinking) หมายถึง ความสามารถในการมองเห็นความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ การขยายขอบเขตความคิดออกไปจากกรอบความคิดเดิมที่มีอยู่ สู่ความคิดใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อค้นหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม เป็นความคิดที่หลากหลาย คิดได้กว้างไกล หลายแง่หลายมุม เน้นทั้งปริมาณและคุณภาพ องค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์ ได้แก่ ความคิดนั้นต้องเป็นสิ่งใหม่ไม่เคยมีมาก่อน ( New Original) ใช้การได้ ( Workable) และมีความเหมาะสม ( Appropriate) การคิดเชิงสร้างสรรค์จึงเป็นการคิดเพื่อการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเดิมไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ที่ต่างไปโดยสิ้นเชิงหรือที่เรียกว่า "นวัตกรรม" ( Innovation) ความคิดสร้างสรรค์ มีความหมายแยกได้เป็น 3 ประเด็นหลัก คือ 1. เป็นความคิดแง่บวก หรือ Positive thinking 2. เป็นการกระทำที่ไม่ทำร้ายใคร หรือ Constructive thinking 3. เป็นการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ หรือ Creative thinking วิธีการฝึกเพื่อพัฒนาศักยภาพการคิดสร้างสรรค์ ม

Aggressive in sport(ความก้าวร้าวทางการกีฬา)

ความก้าวร้าวทางการกีฬา ( Aggressive in sport)         ความก้าวร้าวทางการกีฬา เป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องเกี่ยวกับลักษณะและการให้ความหมายของความก้าวร้าวทางการกีฬา เพราะหากกล่าวถึงความก้าวร้าวเพียงอย่างเดียวย่อมหมายถึงพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความรุนแรงเป็นพฤติกรรมที่ ไม่พึงประสงค์เท่านั้น แต่ในทางการกีฬามีลักษณะการแสดงออกบางประการจัดอยู่ในกลุ่มลักษณะความก้าวร้าวเพียงแต่ไม่มีเจตนาที่ตั้งใจให้เกิดอันตรายหรือการบาดเจ็บอย่างสาหัส การทำความเข้าใจกับความหมายของความก้าวร้าวช่วยลดปัญหาความเข้าใจผิดต่างๆ ได้อย่างมากคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าการที่คนอื่นมีความคิดเห็นแตกต่างกับเรา การมีความคิดลบหรือความปรารถนาให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บคือความหมายของความก้าวร้าวซึ่งความก้าวร้าวไม่ใช่ลักษณะของความรู้สึก เช่น ความโกรธหรือสภาวะทางอารมณ์อื่นๆ แต่ความก้าวร้าวเป็นลักษณะของพฤติกรรม ลักษณะของความก้าวร้าว ในทางการกีฬาแบ่งลักษณะของความก้าวร้าวที่เกิดขึ้นเป็น 3 ลักษณะคือ    1. พฤติกรรมความก้าวร้าวแบบโกรธแค้นหรือตั้งใจท ำร้าย เป็น ความก้าวร้าวที่มีวัตถุประสงค์เพื่อทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับความทุกข์ทรม